ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง GMS Economic Corridors

เครดิตแผนที่ https://greatermekong.org/
เส้นทางเศรษฐกิจสายอาเซียน หรือ ระเบียงเศรษฐกิจอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ Great Mekong Subregion Economic Corridor (GMS Economic Corridor) เป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ( Greater Mekong Subregion : GMS ) ซึ่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจธรรมชาติที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน 6 ประเทศ ประกอบด้วยราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน (โดยเฉพาะมณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ ราชอาณาจักรไทย มีพื้นที่รวมกันประมาณ 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร และมีประชากรรวมทั้งสิ้น 326 ล้านคน
GMS Economic Corridors มุ่งเน้นที่การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานหลายแขนง โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคม ระบบไฟฟ้า โทรคมนาคม สิ่งแวดล้อม และกฎหมาย สำหรับใช้เป็นเส้นทางกระจายสินค้า ลำเลียงวัตถุดิบ และรองรับตลาดการท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการขยายตัวด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การค้า การลงทุนและบริการ ผลักดันให้เกิดการจ้างงาน สร้างโอกาส และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเท่าเทียม โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ ADB เป็นผู้สนับสนุนหลักด้านการเงิน ซึ่งโครงการนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2535 (พ.ศ.1992) ในที่ประชุมรัฐมนตรีของประเทศลุ่มน้าโขงที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
1. ระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC)

1. ระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC) เชื่อมโยงระหว่างไทย เมียนมาร์ ลาว และจีน ประกอบด้วย 3 เส้นทางย่อย ได้แก่
1.1 เส้นทาง R3A เชื่อมโยงระหว่างจีนตอนใต้กับลาวและไทย เริ่มต้นที่คุนหมิง ไปยังโมฮาน บ่อเต็น และห้วยทรายของลาว เข้าเขตไทยที่ อ. เชียงของ และสิ้นสุดที่กรุงเทพฯ ปัจจุบัน R3A นับว่าเป็นเส้นทางที่คับคั่งไปด้วยการจราจรมากที่สุดเส้นหนึ่ง ภายหลังจากที่สะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2556
1.2 เส้นทาง R3B เริ่มต้นที่นครคุนหมิงเช่นเดียวกับ R3A แต่ผ่านเข้าเมียนมาร์ที่ท่าขี้เหล็ก แล้วเข้าไทยที่เขต อ. แม่สาย จ.เชียงราย และปลายทางที่กรุงเทพฯ
1.3 เส้นทาง R5 เริ่มต้นจากเมืองหนานหนิงในมณฑลกว่างสีของจีน มายังเมืองฮานอยและท่าเรือไฮฟองของเวียดนาม ส่วนประเทศไทย จังหวัดตามตามแนวเส้นทางเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ มี 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ ตาก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพฯ
2. ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC)
2. ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) เชื่อมโยงระหว่างเวียดนาม ลาว ไทย และพม่า อาจเรียกได้ว่าเป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างทะเลจีนใต้กับทะเลอันดามัน ประกอบด้วย 3 เส้นทางย่อย ได้แก่
2.1 เส้นทาง R9 มีจุดเริ่มต้นที่เมาะลำไย ไปที่เมียวดี เข้าเขตไทยที่ อ. แม่สอด จ. ตาก เชื่อมไปยังพิษณุโลก ขอนแก่น มุกดาหาร และต่อไปยังสะหวันนะเขต เข้าเขตเวียดนามที่เว้ และสิ้นสุดที่ดานัง
2.2 เส้นทาง R12 เชื่อมโยงภาคอีสานของไทยกับมณฑลกว่างซี โดยมีจุดเริ่มต้นที่ จ. นครพนม เข้าเขตลาวที่แขวงคำม่วน วิ่งผ่าน จ. ห่าติ๋ง วิงห์ และฮานอยของเวียดนาม ก่อนจะไปสิ้นสุดที่กว่างซี ภายหลังการเปิดสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) เมื่อเดือน พ.ย. 2554 เส้นทางสาย R12 นับว่าเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการขนส่งสินค้าจากไทยไปยังเขตปกครองตนเองกว่างซี
2.3 เส้นทาง R8 มีจุดเริ่มต้นที่ จ. บึงกาฬ เข้าเขตปากซันของลาว ผ่านเมืองวิงห์ มุ่งสู่กรุงฮานอยของเวียดนาม และไปสิ้นสุดที่กว่างซี สำหรับจังหวัดของไทยตามแนวเส้นทางเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก มี 7 จังหวัด ได้แก่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร

3. ระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor: SEC)

3. ระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) เชื่อมโยงระหว่างเมียนมา ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ประกอบด้วย 2 เส้นทางย่อย ได้แก่
3.1 เส้นทางทวาย – ทิกิ – กรุงเทพฯ – อรัญประเทศ– ปอยเปต – พนมเปญ – โฮจิมินห์ – หวังเต่า ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง โดยผ่านเมืองสำคัญหลายเมืองและการขนส่งข้ามแดนตามแนวเส้นทางในปริมาณมาก ทั้งตรงจุดผ่านแดนอรัญประเทศ – ปอยเปตระหว่างไทย – กัมพูชา และจุดผ่านแดนบาเวต – มอกไบ ระหว่างกัมพูชา – เวียดนาม
3.2 เส้นทางทวาย – ทิกิ – บ้านน้ำพุร้อน – กรุงเทพฯ – เสียมราฐ – สตรึงเตร็ง – ควิวยอน ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจและท่องเที่ยวสำคัญระหว่างไทย และกัมพูชา รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างไทยกับภาคกลางของเวียดนามผ่านกัมพูชา และ 8 จังหวัดของไทยตามแนวเส้นทางนี้ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราดและกาญจนบุรี
เปรียบเทียบระเบียงเศรษฐกิจ EWEC และ NEC

การคมนาคมทางบกและทางน้ำ (Road and Water Transportation)
การขนส่งทางถนนประกอบด้วย 4 เส้นทางการค้าระหว่างประเทศ R9, R12, R3A, R3B. การขนส่งทางน้ำตามแม่น้ำโขงถึง 4 ท่าเรือ; ท่าเรือ Jihong, ท่าเรือ Dongguan, ท่าเรือ Kuan Lam Pa, ท่าเรือ Se-mao

ภัยคุกคามและความยากของเส้นทาง R9
ปัญหาการจราจร
ปริมาณการเดินทาง, การเก็บค่าธรรมเนียมในลาว, มาร์กอัปที่ China Custom, การจำกัดความเร็ว
ปัญหาทางการค้า
การตรวจสอบแบบจุดเดียว (SSI) เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุ กฎระเบียบการค้าที่คาดเดาไม่ได้ของลาว การแลกเปลี่ยนข้อมูลล่วงหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ผิดกฎหมายและการค้าระหว่างเวียดนามและจีน

R12 มีศักยภาพและความพร้อมมากกว่าเมื่อเทียบกับ R9
R12 สั้นกว่าและเร็วกว่า R4 สิ่งอำนวยความสะดวกตาม R12 อยู่ในระดับมากซึ่งบ่งบอกถึง GMS และมาตรฐานสากล การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้ายังถือเป็นมาตรฐานสากลและ GMS
โอกาสธุรกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจอนุลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Economic Corridor)
โอกาสการค้าการลงทุนของนักลงทุนตามแนว GMS Economic Corridors รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ (Software Connectivity) และความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub-region Cross Border Transport Agreement: GMS CBTA)GMS Economic Corridors หรือระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง คือเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองสำคัญใน 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub-region: GMS) ซึ่งประกอบด้วยไทย จีน (มณฑล ยูนนาน) เวียดนาม กัมพูชา ลาว และเมียนมา ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงถูกยกให้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาภูมิภาค ได้แก่ กำลังซื้อของประชากรกว่า 250 ล้านคน พื้นที่รวมกัน 2.3 ล้านตารางกิโลเมตร เทียบได้กับขนาดทวีปยุโรปตะวันตก มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และมีความได้เปรียบทางด้านที่ตั้ง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากตอนที่แล้ว เราได้ทำความรู้จักกับเส้นทางเศรษฐกิจสายอาเซียนหรือ GMS Economic Corridors ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสายสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศ
ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน GMS Economic Corridors ใช้เป็นเส้นทางสำหรับขนส่ง กระจายสินค้า ลำเลียงวัตถุดิบ อีกทั้งรองรับนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการเชื่อมโยงอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องอาศัยความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ (Software Connectivity) เพื่ออำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการขนส่งที่ซับซ้อนลงจากที่เป็นอยู่
ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Great Mekong Sub-region Cross Border Transport Agreement: GMS CBTA) จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทั้งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างประเทศในอนุภูมิภาค GMS ประกอบด้วยพิธีสารจำนวน 20 ฉบับ มีประเด็นสำคัญดังนี้
1. การอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างประเทศในกลุ่ม GMS
2. การตรวจปล่อยสินค้าในบริเวณเดียวกัน (Single Stop Inspection) และการตรวจสินค้าแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Window Inspection)
3. การรวมระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน อาทิ ระบบศุลกากร ระบบตรวจคนเข้าเมือง และระบบตรวจสอบความปลอดภัยและมาตรฐานสินค้า
4. การแลกเปลี่ยนสิทธิด้านการจราจร (Exchange of Traffic Rights) โดยอนุญาตให้รถยนต์ของประเทศในกลุ่ม GMS สามารถเข้ารับส่งสินค้าของประเทศอื่นๆ ในกลุ่มได้ ภายใต้โควตารถยนต์ที่แต่ละประเทศกำหนดไว้
5. การอำนวยความสะดวกการข้ามพรมแดนของบุคคล
ปัจจุบันประเทศสมาชิก GMS ลงนามในความตกลงดังกล่าวและให้สัตยาบันสารในพิธีสารครบทั้ง 20 ฉบับแล้ว โดยเมียนมาร์ได้ให้สัตยาบันต่อพิธีสารที่ 3 เป็นฉบับสุดท้าย เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558 จึงมีผลทำให้ความตกลง GMS CBTA มีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
ภายหลังจากมีการบังคับใช้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ ADB ผู้สนับสนุนหลักด้านการเงินได้ให้ข้อเสนอแนะว่าควรมีการทบทวนและปรับปรุงภาคผนวกและพิธีสารแนบท้ายความตกลงฯ บางฉบับเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุดได้มีการกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560 เป็นวันเริ่มดำเนินการออกใบอนุญาตการขนส่งทางถนนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Road Transport Permit) ภายใต้ GMS CBTA
อาเซียนนับเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยมาโดยตลอด การเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านเส้นทางสายเศรษฐกิจอาเซียน (GMS Economic Corridors) ซึ่งเป็นทั้งการเชื่อมโยงทางกายภาพ (Hardware Connectivity) และการเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ (Software Connectivity) จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของไทยทั้งด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ เพิ่มช่องทางและโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยที่ลงทุนหรือกำลังหาลู่ทางลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ตามมาด้วยการกระจายรายได้และความเจริญของจังหวัดตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ อาทิ จังหวัดตาก พิษณุโลก ขอนแก่น และมุกดาหาร
ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงควรจับตามองความเคลื่อนไหวของเส้นทางเศรษฐกิจสายอาเซียน หรือ GMS Economic Corridors อย่างใกล้ชิด
แหล่งข้อมูล: กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
โดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ (ThaiBiz)
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ